เราจะป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เด็กติดเกม ?
การป้องกันมิใช้การห้ามไม่ให้เด็กเล่นเกม แต่เป็นการให้เด็กเรียนรู้การเล่นเกมอย่างถูกต้อง มีกติกา มีการตกลงกันก่อน และผู้ปกครองควรจะเอาจริงตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ ดังนี้
ผู้ปกครองควรมีความรู้เกี่ยวกับเกม แยกแยะประเภทของเกม เลือกเกมที่มีประโยชน์แก่เด็กได้ ควรพูดคุย ให้ความรู้สอดแทรกให้เด็กเข้าใจและยอมรับได้ว่าควรเลือกเกมอะไร เกมใดไม่ส่งเสริมให้เล่น เนื่องจากเหตุผลใด
การเล่นเกมต้องควบคุมได้ อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ เป็นไปในเวลาที่กำหนด และไม่เสียหน้าที่ในด้านอื่นๆ ควรกำหนดให้เล่นเกมหลังจากที่ทำงานในหน้าที่เสร็จแล้ว และมีการปิดกั้นการเข้าถึงเกมที่มีอันตรายผู้ปกครองจำเป็นต้องกำกับให้เป็นไปตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด
เมื่อมีการละเมิด ให้กลับมาทบทวนว่าเกิดอุปสรรคใดที่ทำให้ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ และกำหนดมาตรการควบคุมเพิ่มเติม โดยลดการต่อรอง และไม่สนใจต่อปฏิกิริยาของเด็กที่อาจจะบ่น หรือ โวยวาย
ลูกหลานติดเกมจะแก้ไขอย่างไร
ปัญหาเด็กติดเกม พบได้ทั่วไปในปัจจุบันนี้ พ่อแม่หลายคนลำบากใจที่จะบังคับให้ลูกเลิกเล่นเกมเด็กบางคนติดมากจนไม่สนใจการเรียน ผลการเรียนตกลงมาก ๆ หรือบางคนไม่ยอมไปโรงเรียน ใช้เวลาเล่นเกมที่บ้านทั้งวัน เวลาห้ามมาก ๆ เด็กแอบหนีไปเล่นเกมที่ร้านเกมนอกบ้าน บางคนเลยซื้อเกมให้เด็กเล่นที่บ้านเนื่องจากเกรงว่าเด็กจะไม่กลับบ้าน แต่กลับเป็นปัญหาต่อมาจากการเล่นเกมที่บ้านมากขึ้นการช่วยเหลือเด็กติดเกมจึงเป็นความจำเป็นรีบด่วนระดับประเทศ และถ้าสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
แพทย์หญิงอัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ให้แนวทางแก้ไขไว้ว่า
หากเด็กติดเกมแล้วควรสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็กหาเวลาที่เด็กและผู้ปกครองมาคุยพร้อมกันโดยไม่แสดงท่าทีดุด่าว่าเด็กว่าไม่รับผิดชอบควรแสดงความรู้สึกเป็นห่วงที่เห็นเด็กเล่นเกมบ่อย แสดงความเห็นใจว่าเด็กไม่สามารถตัดขาดจากเกมได้ ช่วยกันคิดและตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะแก้ไขอย่างไร
หากในบ้านยังไม่มีกฎกติกาในการเล่นเกม จำเป็นต้องพูดคุยให้เด็กมีส่วนร่วมในการกำหนดเวลาการเล่นที่ชัดเจนว่าเล่นได้ในวันไหน เมื่อไร กี่ชั่วโมง แล้วค่อยปรับลดลงจนเหมาะสม ถ้าเด็กทำตามไม่ได้ จะให้พ่อแม่ช่วยเขาอย่างไร
พ่อแม่ควรมีเวลาอยู่กับเด็กให้มากขึ้น อาจจะพาไปทำกิจกรรมอื่นที่สนุกสนานและที่เด็กชอบ (ยกเว้นเล่นเกม) ในเวลาว่าง เช่น เล่นดนตรี กีฬา งานศิลปะ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น
ผู้ปกครองควรร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโดยใช้กฎกติกาเดียวกัน ไม่ปล่อยให้เป็นภาระหรือความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง และที่สำคัญไม่ขัดแย้งกันเอง
สรุปก็คือ ปัญหาการติดเกมของเด็กจะไม่เกิดขึ้น
หากผู้ปกครองใส่ใจและให้เวลากับเด็กมากขึ้น
รวมทั้งตัวของเด็กเองถ้าได้รับอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ควรและไม่ควร
แต่ก็ไม่ได้โทษผู้ปกครองทั้งหมด การที่จะแก้ไขปัญหานั้นควรจะมีการร่วมมือกัน
จากหลายฝ่าย แต่การเริ่มต้นจากที่ครอบครัวก่อนก็จะดีที่สุด
ฉะนั้น ต้องช่วยกันเป็นกำลังใจให้เด็กลดละพฤติกรรมเดิมลงทีละเล็กละน้อย
และหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์อื่นๆ มาทดแทน แม้จะต้องใช้เวลาสักเพียงใดก็ตาม